ครูยงยุทธ ชมไชย
| 4.1 บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
|
วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555
ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายสามารถจำแนกออกได้หลายประเภทแล้วแต่เกณฑ์ที่ใช้ เช่น ขนาด ลักษณะการแลกเปลี่ยนข้อมูลของคอมพิวเตอร์ เป็นต้น โดยทั่วไปการจำแนกประเภทของเครือข่ายมีอยู่ 3 วิธีคือ
เครือข่ายสามารถจำแนกออกได้หลายประเภทแล้วแต่เกณฑ์ที่ใช้ เช่น ขนาด ลักษณะการแลกเปลี่ยนข้อมูลของคอมพิวเตอร์ เป็นต้น โดยทั่วไปการจำแนกประเภทของเครือข่ายมีอยู่ 3 วิธีคือ
1. ใช้ขนาดทางกายภาพของเครือข่ายเป็นเกณฑ์ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
1.1 LAN (Local Area Network) : ระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่น
เป็นระบบเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ในบริเวณที่ไม่กว้างนัก อาจใช้อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรืออาคารที่อยู่ใกล้กัน เช่น ภายในมหาวิทยาลัย อาคารสำนักงาน คลังสินค้า หรือโรงงาน เป็นต้น การส่งข้อมูลสามารถทำได้ด้วยความเร็วสูง และมีข้อผิดพลาดน้อย ระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่นจึงถูกออกแบบมาให้ช่วยลดต้นทุนและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกัน
1.2 MAN (Metropolitan Area Network) : ระบบเครือข่ายระดับเมือง
เป็นระบบเครือข่ายที่มีขนาดอยู่ระหว่าง Lan และ Wan เป็นระบบเครือข่ายที่ใช้ภายในเมืองหรือจังหวัดเท่านั้น การเชื่อมโยงจะต้องอาศัยระบบบริการเครือข่ายสาธารณะ จึงเป็นเครือข่ายที่ใช้กับองค์การที่มีสาขาห่างไกลและต้องการเชื่อมสาขาเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เช่น ธนาคาร เครือข่ายแวนเชื่อมโยงระยะไกลมาก จึงมีความเร็วในการสื่อสารไม่สูง เนื่องจากมีสัญญาณรบกวนในสาย เทคโนโลยีที่ใช้กับเครือข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยนำแสง คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ สายเคเบิล
1.3 WAN (Wide Area Network) : ระบบเครือข่ายระดับประเทศ หรือเครือข่ายบริเวณกว้าง
เป็นระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในบริเวณกว้าง เช่น ระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานทั่วโลก เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่อยู่ห่างไกลกันเข้าด้วยกัน อาจจะต้องเป็นการติดต่อสื่อสารกันในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือทั่วโลกก็ได้ ในการเชื่อมการติดต่อนั้น จะต้องมีการต่อเข้ากับระบบสื่อสารขององค์การโทรศัพท์หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทยเสียก่อน เพราะจะเป็นการส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารกันโดยปกติมีอัตราการส่งข้อมูลที่ต่ำและมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาด การส่งข้อมูลอาจใช้อุปกรณ์ในการสื่อสาร เช่น โมเด็ม (Modem) มาช่วย
2. ใช้ลักษณะหน้าที่การทำงานของคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเป็นเกณฑ์ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้
2.1 Peer-to-Peer Network หรือเครือข่ายแบบเท่าเทียม
เป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ละเครื่อง จะสามารถแบ่งทรัพยากรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์หรือเครื่องพิมพ์ซึ่งกันและกันภายในเครือข่ายได้ เครื่องแต่ละเครื่องจะทำงานในลักษณะที่ทัดเทียมกัน ไม่มีเครื่องใดเครื่องเครื่องหนึ่งเป็นเครื่องหลักเหมือนแบบ Client / Server แต่ก็ยังคงคุณสมบัติพื้นฐานของระบบเครือข่ายไว้เหมือนเดิม การเชื่อมต่อแบบนี้มักทำในระบบที่มีขนาดเล็กๆ เช่น หน่วยงานขนาดเล็กที่มีเครื่องใช้ไม่เกิน 10 เครื่อง การเชื่อมต่อแบบนี้มีจุดอ่อนในเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย แต่ถ้าเป็นเครือข่ายขนาดเล็ก และเป็นงานที่ไม่มีข้อมูลที่เป็นความลับมากนัก เครือข่ายแบบนี้ ก็เป็นรูปแบบที่น่าเลือกนำมาใช้ได้เป็นอย่างดี
2.2 Client-Server Network หรือเครือข่ายแบบผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ
เป็นระบบที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องมีฐานะการทำงานที่เหมือน ๆ กัน เท่าเทียมกันภายในระบบ เครือข่าย แต่จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่อง Server ที่ทำหน้าที่ให้บริการทรัพยากรต่าง ๆ ให้กับ เครื่อง Client หรือเครื่องที่ขอใช้บริการ ซึ่งอาจจะต้องเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างสูง ถึงจะทำให้การให้บริการมีประสิทธิภาพตามไปด้วย ข้อดีของระบบเครือข่าย Client - Server เป็นระบบที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงกว่า ระบบแบบ Peer To Peer เพราะว่าการจัดการในด้านรักษาความปลอดภัยนั้น จะทำกันบนเครื่อง Server เพียงเครื่องเดียว ทำให้ดูแลรักษาง่าย และสะดวก มีการกำหนดสิทธิการเข้าใช้ทรัพยากรต่าง ๆให้กับเครื่องผู้ขอใช้บริการ หรือเครื่องClient
3. ใช้ระดับความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเกณฑ์
การแบ่งประเภทเครือข่ายตามระดับความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งจะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ อินเทอร์เน็ต (Internet) อินทราเน็ต (Intranet) และ เอ็กส์ทราเน็ต (Extranet) อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะที่ทุกคนสามารถเชื่อมต่อเข้าได้ เครือข่ายนี้จะไม่มีความปลอดภัยของข้อมูลเลย ถ้าทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่แชร์ไว้บนอินเทอร์เน็ตได้ ในทางตรงกันข้าม อินทราเน็ตเป็นเครือข่ายส่วนบุคคล ข้อมูลจะถูกแชร์เฉพาะผู้ที่ใช้อยู่ข้างในเท่านั้น หรือผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไม่สามารถเข้ามาดูข้อมูลในอินทราเน็ตได้ ถึงแม้ว่าทั้งสองเครือข่ายจะมีการเชื่อมต่อกันอยู่ก็ตาม ส่วนเอ็กทราเน็ตนั้นเป็นเครือข่ายแบบกึ่งอินเทอร์เน็ตและอินทราเน็ตกล่าวคือ การเข้าใช้เอ็กส์ทราเน็ตนั้นมีการควบคุม เอ็กส์ทราเน็ตส่วนใหญ่จะเป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อระหว่างองค์กรเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่างซึ่งกันและกัน ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลนี้ต้องมีการควบคุม เพราะเฉพาะข้อมูลบางอย่างเท่านั้นที่ต้องการแลกเปลี่ยน
3.1 อินเทอร์เน็ต (Internet) เครือข่ายสาธารณะ
อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เป็นล้านๆเครื่องเชื่อมต่อเข้ากับระบบและยังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี อินเทอร์เน็ตมีผู้ใช้ทั่วโลกหลายร้อยล้านคน และผู้ใช้เหล่านี้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้อย่างอิสระ โดยที่ระยะทางและเวลาไม่เป็นอุปสรรค นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเข้าดูข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกตีพิมพ์ในอินเทอร์เน็ตได้ อินเทอร์เน็ตเชื่อมแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นองค์กรธุรกิจ มหาวิทยาลัย หน่วยงานของรัฐบาล หรือแม้กระทั่งแหล่งข้อมูลบุคคล องค์กรธุรกิจหลายองค์กรได้ใช้อินเทอร์เน็ตช่วยในการทำการค้า เช่น การติดต่อซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตหรืออีคอมเมิร์ช (E-Commerce) ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับการทำธุรกิจที่กำลังเป็นที่นิยม เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่าและมีฐานลูกค้าที่ใหญ่มาก ส่วนข้อเสียของอินเทอร์เน็ตคือ ความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างที่แลกเปลี่ยนผ่านอินเทอร์เน็ตได้
อินเทอร์เน็ตใช้โปรโตคอลที่เรียกว่า “TCP/IP (Transport Connection Protocol/Internet Protocol)” ในการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่าย ซึ่งโปรโตคอลนี้เป็นผลจากโครงการหนึ่งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โครงการนี้มีชื่อว่า ARPANET (Advanced Research Projects Agency Network) ในปี ค.ศ.1975 จุดประสงค์ของโครงการนี้เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลกัน และภายหลังจึงได้กำหนดให้เป็นโปรโตคอลมาตรฐานในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นเครือข่ายสาธารณะ ซึ่งไม่มีผู้ใดหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง การเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตต้องเชื่อมต่อผ่านองค์กรที่เรียกว่า “ISP (Internet Service Provider)” ซึ่งจะทำหน้าที่ให้บริการในการเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต นั่นคือ ข้อมูลทุกอย่างที่ส่งผ่านเครือข่าย ทุกคนสามารถดูได้ นอกเสียจากจะมีการเข้ารหัสลับซึ่งผู้ใช้ต้องทำเอง
3.2 อินทราเน็ต (Intranet) หรือเครือข่ายส่วนบุคคล
ตรงกันข้ามกับอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ตเป็นเครือข่ายส่วนบุคคลที่ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต เช่น เว็บ, อีเมล, FTP เป็นต้น อินทราเน็ตใช้โปรโตคอล TCP/IP สำหรับการรับส่งข้อมูลเช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งโปรโตคอลนี้สามารถใช้ได้กับฮาร์ดแวร์หลายประเภท และสายสัญญาณหลายประเภท ฮาร์ดแวร์ที่ใช้สร้างเครือข่ายไม่ใช่ปัจจัยหลักของอินทราเน็ต แต่เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำให้อินทราเน็ตทำงานได้ อินทราเน็ตเป็นเครือข่ายที่องค์กรสร้างขึ้นสำหรับให้พนักงานขององค์กรใช้เท่านั้น การแชร์ข้อมูลจะอยู่เฉพาะในอินทราเน็ตเท่านั้น หรือถ้ามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโลกภายนอกหรืออินเทอร์เน็ต องค์กรนั้นสามารถที่จะกำหนดนโยบายได้ ในขณะที่การแชร์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตนั้นยังไม่มีองค์กรใดที่สามารถควบคุมการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต พนักงานบริษัทของบริษัทสามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกเพื่อการค้นหาข้อมูลหรือทำธุรกิจต่าง ๆ การใช้โปรโตคอล TCP/IP ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใช้เครือข่ายจากที่ห่างไกลได้ (Remote Access) เช่น จากที่บ้าน หรือในเวลาที่ต้องเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ การเชื่อมต่อเข้ากับอินทราเน็ต โดยการใช้โมเด็มและสายโทรศัพท์ ก็เหมือนกับการเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต แต่แตกต่างกันที่เป็นการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายส่วนบุคคลแทนที่จะเป็นเครือข่ายสาธารณะอย่างเช่นอินเทอร์เน็ต การเชื่อมต่อกันได้ระหว่างอินทราเน็ตกับอินเทอร์เน็ตถือเป็นประโยชน์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง
ระบบการรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งที่แยกอินทราเน็ตออกจากอินเทอร์เน็ต เครือข่ายอินทราเน็ตขององค์กรจะถูกปกป้องโดยไฟร์วอลล์ (Firewall) ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่กรองข้อมูลที่แลกเปลี่ยนกันระหว่างอินทราเน็ตและอินเทอร์เน็ตเมื่อทั้งสองระบบมีการเชื่อมต่อกัน ดังนั้นองค์กรสามารถกำหนดนโยบายเพื่อควบคุมการเข้าใช้งานอินทราเน็ตได้
อินทราเน็ตสามารถสนองความต้องการของผู้ใช้ในองค์กรได้หลายอย่าง ความง่ายในการตีพิมพ์บนเว็บทำให้เป็นที่นิยมในการประกาศข่าวสารขององค์กร เช่น ข่าวภายในองค์กร กฎ ระเบียบ และมาตรฐาน การปฏิบัติงานต่าง ๆ เป็นต้น หรือแม้กระทั่งการเข้าถึงฐานข้อมูลขององค์กรก็ง่ายเช่นกัน ผู้ใช้สามารถทำงานร่วมกันได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.3 เอ็กส์ทราเน็ต (Extranet) หรือเครือข่ายร่วม
เอ็กส์ทราเน็ต (Extranet) เป็นเครือข่ายกึ่งอินเทอร์เน็ตกึ่งอินทราเน็ต กล่าวคือ เอ็กส์ทราเน็ตคือเครือข่ายที่เชื่อมต่อระหว่างอินทราเน็ตของสององค์กร ดังนั้นจะมีบางส่วนของเครือข่ายที่เป็นเจ้าของร่วมกันระหว่างสององค์กรหรือบริษัท การสร้างอินทราเน็ตจะไม่จำกัดด้วยเทคโนโลยี แต่จะยากตรงนโยบายที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ทั้งสององค์กรจะต้องตกลงกัน เช่น องค์กรหนึ่งอาจจะอนุญาตให้ผู้ใช้ของอีกองค์กรหนึ่งล็อกอินเข้าระบบอินทราเน็ตของตัวเองหรือไม่ เป็นต้น การสร้างเอ็กส์ทราเน็ตจะเน้นที่ระบบการรักษาความปลอดภัยข้อมูล รวมถึงการติดตั้งไฟร์วอลล์หรือระหว่างอินทราเน็ตและการเข้ารหัสข้อมูลและสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ นโยบายการรักษาความปลอดภัยข้อมูลและการบังคับใช้
วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555
การใส่เลขหน้าให้กับเอกสาร
การแทรกหมายเลขหน้า
คุณสามารถเพิ่มหมายเลขหน้าซึ่งสัมพันธ์กับหัวกระดาษและท้ายกระดาษไปที่ด้านบน ด้านล่าง หรือที่ระยะขอบของเอกสารได้ ข้อมูลที่จัดเก็บในหัวกระดาษและท้ายกระดาษหรือระยะขอบจะปรากฏเป็นสีจางลง และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาเดียวกันกับข้อความในเนื้อความของเอกสาร
เมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงหัวกระดาษหรือท้ายกระดาษหรือข้อมูลในระยะขอบกระดาษ ให้ทำดังต่อไปนี้ คือ คลิกสองครั้งที่หัวกระดาษหรือท้ายกระดาษ จากนั้นคลิกแท็บ หัวกระดาษ & ท้ายกระดาษ ในหัวข้อ เครื่องมือหัวกระดาษ & ท้ายกระดาษ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวกระดาษและท้ายกระดาษ ให้ดู แทรกหัวกระดาษและท้ายกระดาษ
เมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงหัวกระดาษหรือท้ายกระดาษหรือข้อมูลในระยะขอบกระดาษ ให้ทำดังต่อไปนี้ คือ คลิกสองครั้งที่หัวกระดาษหรือท้ายกระดาษ จากนั้นคลิกแท็บ หัวกระดาษ & ท้ายกระดาษ ในหัวข้อ เครื่องมือหัวกระดาษ & ท้ายกระดาษ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวกระดาษและท้ายกระดาษ ให้ดู แทรกหัวกระดาษและท้ายกระดาษ
คุณต้องการทำสิ่งใด
ฉันไม่เห็นการออกแบบหมายเลขหน้าในแกลเลอรีเลย
ถ้าคุณไม่เห็นการออกแบบหัวกระดาษและท้ายกระดาษที่มีอยู่แล้วภายในแกลเลอรี Add-in แบบเอกสารสำเร็จรูปอาจไม่พร้อมใช้งาน เมื่อต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าการออกแบบที่มีอยู่แล้วภายในปรากฏขึ้นในแกลเลอรีแบบเอกสารสำเร็จรูป Microsoft Office Word 2007 ทั้งหมด ให้ทำดังนี้- คลิก Add-in
- ในรายการ จัดการ ให้เลือก รายการที่ปิดใช้งาน แล้วคลิก ไป
- คลิก แบบเอกสารสำเร็จรูป.dotx แล้วคลิก เปิดใช้งาน
- เริ่ม Word ใหม่
แทรกหมายเลขหน้า
คุณสามารถเลือกได้จากการออกแบบลำดับเลขหน้าหลายหน้าที่พร้อมใช้งานในแกลเลอรีแทรกหมายเลขหน้าหรือหมายเลขหน้าแบบ "หน้า X จาก Y"
- คลิก ด้านบนของหน้ากระดาษ หรือ ด้านล่างของหน้ากระดาษ หรือ ระยะขอบกระดาษ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คุณต้องการให้หมายเลขหน้าปรากฏขึ้นในเอกสารของคุณ
- เลือกการออกแบบลำดับเลขหน้าจากแกลเลอรีการออกแบบ ซึ่งแกลเลอรีนี้จะมีตัวเลือก "หน้า X จาก Y"
จัดรูปแบบหมายเลขหน้า
หลังจากที่คุณเพิ่มหมายเลขหน้า คุณสามารถเปลี่ยนแปลงหมายเลขหน้าได้แบบเดียวกับที่คุณเปลี่ยนแปลงข้อความในหัวกระดาษหรือท้ายกระดาษ เปลี่ยนได้ทั้งรูปแบบของหมายเลขหน้า แบบอักษร หรือขนาดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหมายเลขหน้า เช่น 1, i หรือ a
- คลิกสองครั้งที่หัวกระดาษหรือท้ายกระดาษของหน้ากระดาษเอกสารของคุณหน้าใดหน้าหนึ่ง
- ใต้ เครื่องมือหัวกระดาษและท้ายกระดาษ บนแท็บ ออกแบบ ในกลุ่ม เครื่องมือหัวกระดาษและท้ายกระดาษ ให้คลิก หมายเลขหน้า แล้วคลิก จัดรูปแบบหมายเลขหน้า
- ในกล่อง รูปแบบตัวเลข ให้คลิกลักษณะลำดับเลข จากนั้นคลิก ตกลง
เปลี่ยนแบบอักษรและขนาดของหมายเลขหน้า
- คลิกสองครั้งที่หัวกระดาษ ท้ายกระดาษ หรือระยะขอบกระดาษของหน้ากระดาษเอกสารของคุณหน้าใดหน้าหนึ่ง
- เลือกหมายเลขหน้า
- บนแถบเครื่องมือขนาดเล็กที่ปรากฏเหนือหมายเลขหน้าที่เลือก ให้เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
- เมื่อต้องการเปลี่ยนแบบอักษร ให้คลิกชื่อแบบอักษรในกล่อง
- เมื่อต้องการทำให้ขนาดแบบอักษรใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง ให้เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
- เมื่อต้องการทำให้ข้อความใหญ่ขึ้น ให้คลิก ขยายขนาดแบบอักษร หรือกด CTRL+SHIFT+>
- เมื่อต้องการทำให้ข้อความเล็กลง ให้คลิก ลดขนาดแบบอักษร หรือกด CTRL+SHIFT+<
หมายเหตุ คุณยังสามารถระบุขนาดแบบอักษรบนแท็บ หน้าแรก ในกลุ่ม แบบอักษร
ด้านบนของหน้าเริ่มหรือเริ่มลำดับเลขหน้าใหม่
ให้เลือกทำดังต่อไปนี้เริ่มลำดับเลขหน้าด้วยตัวเลขต่างๆ
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเพิ่มหน้าปกลงในเอกสารที่มีหมายเลขหน้า หน้าที่สองจะมีลำดับเลขหน้าเป็น 2 โดยอัตโนมัติ ซึ่งคุณอาจต้องการให้เอกสารเริ่มต้นด้วยหน้า 1- คลิก จัดรูปแบบหมายเลขหน้า
- ในกล่อง เริ่มที่ ให้ใส่ตัวเลข
หมายเหตุ ถ้าคุณมีหน้าปกและคุณต้องการให้หน้าแรกของเอกสารเริ่มต้นที่ 1 ให้พิมพ์ 0 ในกล่อง เริ่มที่
เริ่มลำดับเลขหน้าใหม่ด้วย 1 สำหรับแต่ละบทหรือแต่ละส่วน
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถให้หมายเลขสารบัญเป็น i ถึง iv และเอกสารที่เหลือเป็น 1 ถึง 25 ถ้าเอกสารของคุณมีหลายบท คุณอาจต้องการเริ่มลำดับเลขหน้าใหม่สำหรับแต่ละบท- คลิกในส่วน (ส่วน: ส่วนของเอกสารที่คุณได้ตั้งตัวเลือกการจัดรูปแบบหน้าบางอย่างเอาไว้ คุณต้องสร้างส่วนใหม่เมื่อคุณต้องการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของลำดับเลขบรรทัด จำนวนคอลัมน์ หรือหัวกระดาษและท้ายกระดาษ)ที่คุณต้องการเริ่มลำดับเลขหน้าใหม่
- บนแท็บ แทรก ในกลุ่ม หัวกระดาษและท้ายกระดาษ ให้คลิก หมายเลขหน้า
- คลิก จัดรูปแบบหมายเลขหน้า
- ในกล่อง เริ่มที่ ให้ใส่ 1
เอาหมายเลขหน้าออก
Microsoft Office Word 2007 จะเอาหมายเลขหน้าออกหรือลบหมายเลขหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อคุณคลิก เอาหมายเลขหน้าออก หรือเมื่อคุณเอาหมายเลขหน้าเดี่ยวออกจากเอกสารด้วยตนเอง- คลิก เอาหมายเลขหน้าออก
การสร้างตารางที่ซับซ้อน
ในการใช้ตารางเพื่อทำการจัดระเบียบของข้อมูลและสร้างโครงร่างหน้ากระดาษที่น่าสนใจพร้อมกับคอลัมน์ติดกันของข้อความ และกราฟิกส์ ตัวอย่างเช่น ตารางที่มีจำนวนของแถวและคอลัมน์เท่ากัน วิธีที่เร็วที่สุดในการสร้างตารางอย่างง่ายก็คือ คลิกปุ่ม แทรกตาราง ด้วยคุณสมบัติการวาดตารางใหม่ คุณสามารถสร้างตารางที่ซับซ้อนได้อย่างง่าย ตัวอย่างเช่น ตารางที่เก็บเซลล์ ที่มีความสูงต่างกันหรือจำนวนสดมภ์ต่อแถวที่แตกต่างกัน คล้ายๆ กับวิธีการใช้ปากกาในการวาดตารางคุณสามารถสร้างตาราง ว่างเปล่าและใส่ค่าในเซลล์ที่ว่าง หรือคุณสามารถแปลงย่อหน้าของข้อความที่มีอยู่ (แบ่งโดยตัวอักษรตัวหนึ่งอย่างเช่น แท็บ) ลงในตาราง คุณยังสามารถสร้างตารางจากข้อมูลต้นฉบับที่มีอยู่ เช่น ฐานข้อมูลหรือกระดาษคำนวณ) การสร้างตารางอย่างง่าย เราจะพบกับเมนูในการสร้างตารางอยู่จากนั้นเราก็จะใช้เมาส์ทำการคลิกบนตำแหน่งที่คุณต้องการจะสร้างตาราง 2 ใช้เมาส์ลากตรงตารางเพื่อเลือกจำนวนแถวและคอลัมน์ที่คุณต้องการ แล้วกดเมาส์หนึ่งครั้งก็จะได้ตารางออกมา การสร้างตารางที่ซับซ้อน 1 คลิกตำแหน่งที่คุณต้องการสร้างตาราง 2 ถ้าแถบเครื่องมือ ตารางและเส้นขอบ ไม่แสดงอยู่ ให้คลิกที่ตารางและเส้นขอบแถบเครื่องมือจะปรากฏ และตัวชี้เปลี่ยนเป็นปากกา 3 ถ้าแถบเครื่องมือตารางและเส้นขอบ แสดงอยู่แล้วให้คลิกตรงการวาดตาราง ตัวชี้จะเปลี่ยนเป็นปากกา 4 เมื่อต้องการกำหนดขอบเขตด้านนอกของตาราง ให้วาดโดยการลากจากมุมหนึ่งไปยังมุมทแยงของตาราง แล้ววาดเส้นคอลัมน์และเส้นแถว ก็จะได้ตารางที่ซับซ้อนตามที่เราต้องการได้ ดังรูป 5 เมื่อคุณสร้างตารางเสร็จแล้ว ให้คลิกที่เซลล์ และเริ่มพิมพ์หรือแทรกกราฟฟิกส์ตามที่คุณต้องการได้เลยโดยการที่ ใช้เมาส์คลิกที่บริเวณใดๆ ในตารางก็สามารถพิมพ์หรือแทรกกราฟฟิกส์ได้ การลบตารางหรือการลบรายการออกจากตาราง คุณสามารถลบเซลล์แถว หรือคอลัมน์แบบเดี่ยวๆ หรือแบบรวมได้ และคุณสามารถลบทั้งตาราง ล้างเนื้อหาของเซลล์ได้ โดยปราศจากการลบเซลล์นั้นๆ ออก การลบตารางและเนื้อหาในตารางทั้งหมด 1 เลือกตารางโดยการคลิก แล้วกดแป้น <ALT+5 >บนแป้นตัวเลข (แป้น NUM LOCK จะต้องปิดโดยที่ไม่มีไฟติด) จะได้ออกมาดังรูป 2 คลิก ตัด การลบบางส่วนของตาราง ถ้าคุณวาดเส้นเพื่อกำหนดตารางผิดไป วิธีแก้ไขทำได้ง่ายๆ โดยใช้ยางลบลบเส้นที่ไม่ต้องการทิ้งไป ดังนี้ 1 Click mouse ที่ปุ่ม ตัวชี้ จะเปลี่ยนเป็น 2 Drag mouse ทับเส้นที่ต้องการลบดังรูปที่1 แล้วเมื่อปล่อยก็จะลบเส้นที่เรากำหนดได้ดังรูปที่ 2 1 เลือกรายการที่คุณต้องการล้างโดยทำให้ข้อความในตารางนั้นเป็นสีทึบเสียก่อน 2 เมื่อข้อความเป็นสีทึบแล้วก็กดแป้น DELETE จะทำให้ข้อความที่คุณเลือกนั้นหายไป การเพิ่มแถวหรือคอลัมน์ที่ตารางได้ 1 ต้องการเพิ่มแถวให้ click mouse เลือกแถวทั้งแถว 2 click mouse ปุ่มขวาบริเวณแถบดำ หรือเลือกที่เมนู Table หรือ ตาราง 3 click mouse เลือก Insert Rows หรือแทรกแถว ก็จะได้แถวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแถว
การแทรกแถว
4 ถ้าต้องการเพิ่มคอลัมน์ก็ให้ click mouse เลือกคอลัมน์ที่จะแทรก5 click mouse ปุ่มขวาบริเวณแถบดำ หรือเลือกที่เมนู Table หรือ ตาราง 6 click mouse เลือก Insert columns หรือแทรกคอลัมน์ ก็จะได้คอลัมน์เพิ่มอีกหนึ่งคอลัมน์
การแทรกคอลัมน์
การเปลี่ยนแปลงความสูงของแถวในตารางและคอลัมน์ ในเอกสาร Word ความสูงของแต่ละแถวในตารางขึ้นอยู่กับเนื้อหาของเซลล์ในแถวนั้น และระยะห่างระหว่างย่อหน้า ที่คุณเพิ่มเข้าไปก่อนหรือหลังข้อความนอกจากว่าคุณได้กำหนดเป็นอีกแบบหนึ่งโดยทำดังนี้ 1 เลือกแถวที่คุณต้องการเปลี่ยน 2 บนเมนู ตาราง ให้คลิกเลือกที่หัวข้อ ความสูงและความกว้างเซลล์ แล้วเลือกตรงคำว่า แถว 3 แล้วเลือกตัวเลือกที่คุณต้องการ โดยการคุณสามารถคลิกที่ปุ่ม เป็นการเพิ่มหรือลดขนาดของแถว 4 เมื่อกำหนดเสร็จแล้วก็คลิกปุ่ม OK ก็เป็นการเสร็จ การเปลี่ยนแปลงระยะห่างระหว่างคอลัมน์ในตาราง 1 คลิกตารางเลือกคอลัมน์ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลง 2 บนเมนู ตาราง ให้คลิก ความสูงและความกว้างเซลล์ แล้วเลือกตรงคำว่าคอลัมน์ 3 ในกล่อง ระยะห่างระหว่างคอลัมน์ ให้ใส่ตัวเลขลงไป หรือ คลิกที่ ก็สามารถกำหนดให้มากหรือน้อยก็ได้
การเพิ่มสีสันให้กับตาราง
การเพิ่มสีสันให้กับตารางก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้งานของคุณน่าดูขึ้นอีกมาก วิธีการใส่สีสันให้กับตารางก็ไม่มีอะไร ยุ่งยากมากเท่าไรมีวิธีดังนี้
1 ใช้เมาส์เลือกส่วนของตารางที่จะให้เปลี่ยนแปลง
2 คลิกเมาส์ที่ลูกศรปุ่ม สำหรับการเปลี่ยนแปลงสีพื้นตาราง และ ปุ่ม สำหรับเปลี่ยนสีของเส้น ก็จะมีสีให้เลือกมากมาย
3 คลิกเมาส์เลือกสีที่คุณต้องการ ก็จะได้ตารางที่มีสีสันสวยงามตามแบบที่เราเลือก
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)