จำนวนผู้เข้าชม

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดอกชบา

Gallery 

 
www.Stats.in.th
 
ชื่อสามัญ                                Chinese rose

ชื่อวิทยาศาสตร์                    Hibiscus rosa sinensis.

ตระกูล                                    MALVACEAE
ถิ่นกำเนิด                              จีน อินเดียและฮาวาย
ลักษณะทั่วไป
ชบาในบ้านเรารู้จักกันมานานแล้ว จะเห็นได้จากบ้านคนสมัยก่อนจะมีชบายอยู่แทบทุกบ้านปัจจุบันชบาได้รับการผสมพันธุ์เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ออกมามากมาย ซึ่งล้วนแต่สวย ๆ งาม ๆทั้งนั้น ทำให้ได้ดอกของชบาที่มีรูปร่างสวยงามสีสันของดอกสดใส ขบานั้นจัดเป็นไม้พุ่ม ความสูงดดยทั่วไปประมาณ 2.50 เมตร ใบมีสีเขียวเข้ม มนรี ปลายใบแหลม แต่ปัจจุบันก็ยังมีพันธุ์ แตกต่างออกไปอีกมากมาย
การดูแล
แสง                          ชอบแสงแดดมาก

น้ำ                             ต้องการน้ำพอประมาณ

ดิน                           เป็นไม้ที่ปลูกได้ง่ายสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ไม่ควรให้ดินเปียกหรือแฉะเกินไป

ปุ๋ย                           ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก

การขยายพันธ์              ตอน ปักชำ

โรคและแมลง               ไม่ค่อยมีโรคจะมีก็แต่เพลี้ยที่รบกวนอยู่

การป้องกันกำจัด         ฉีดพ่นด้วยยามาลาไธออนหรือไดอาซินอน ตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในฉลาก
ลักษณะเด่น
คือ มีเส้นใยและยางเมือก (mucilagnous) อยู่ในเนื้อไม้โดยทั่วไปเป็นไม้พุ่มขนาดกลางใบเป็นใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับมีรูปร่างหลายแบบ เช่น รูปไข่ รูปกลม รูปรีหรือเว้าเป็นแฉก3-5 แฉก มีกลีบดอก กลีบแต่ละดอกจะเชื่อมติดกันเป็นวงที่ฐานดอกเกสรเพศผู้ประกอบด้วยอับเรณูสีเหลืองรูปไตและก้านชูอับเรณูสีขาวหรือสีเดียวกันเกสรเพศเมีย อยู่ปลายหลอดเกสรเพศผู้มักมีก้านเล็ก ๆ แยกยอดเกสรเพศเมียเป็น ยอกตามจำนวนห้องรังไข่ส่วนยอดมีน้ำหวานสำหรับจับละอองเรณ
ประเภทของดอกอาจแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ
1.ดอกบานเป็นรูปถ้วย
2.ดอกบานเป็นรูปแผ่แบน
3.กลีบดอกบานแบบแผ่โค้ง
การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์มี 3 วิธี คือ
1.การปักชำ
2.การเสียบยอด
3.การติดตา
โรคและแมลงศัตรู
1. โรค ที่พบในชบาได้แก่ โรคใบจุดในช่วงฤดูฝน โรคใบหงิกที่เกิดจากเชื้อไวรัสโดยมีแมลงหวี่ขาวเป็นพาหะ

2. แมลงศัตรุ ที่พบมากได้แก่ แมลงหวี่ขาวดูดน้ำเลี้ยงจากใบและยอดอ่อนทำให้เกิดโรค ใบหงิก เพลี้ยแป้ง เพี้ยหอย
ดูดน้ำเลี้ยงจากใบและกิ่งก้านนอกจากนี้ยังมีหนอนผีเสื้อบางชนิดกัดกินดอกอ่อนทำให้ดอกไม่บานหรือกลีบเว้าแห่วง

3. สัตว์สัตรู ได้แก่ หอยทาก ทำลายโดยการกัดกินดอก กำจัดโดยใช้มือดึงออกหรือโรยปูนขาวรอบพื้นที่ปลูก
สรรพคุณทางยาและประโยชน์
ในคัมภีร์อายุรเวท พูดถึงสรรพคุณของดอกชบาว่า ช่วยฟอกโลหิต บำรุงจิตใจให้แช่มชื่น บำรุงผิวพรรณ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาและบรรเทาโรคเกี่ยวกับไต และโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง เช่นเสียเลือดประจำเดือนมากเกินไป ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ รวมทั้งปัญหาเรื่องระดูขาวไม่เพียงแต่ดอกชบาเท่านั้นที่ใช้เป็นยาดีของอินเดีย ส่วนอื่นๆของชบายังใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย อย่างเช่น เปลือกต้นชบาใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา ใบชบาใช้แก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก บำรุงผม
  • ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มีระดูขาว - นำดอกชบาสด 4 ดอกมาตำให้แหลก แล้วกินตอนท้องว่างในตอนเช้าติดต่อกัน 7 วัน นำดอกชบามาตากให้แห้งในที่ร่ม เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว เอามาบดเป็นผง กินครั้งละ 1 ช้อนชาตอนเช้าติดต่อกันนาน 7 วัน
  • ประจำเดือนไม่มา ใช้ดอกชบา 3 ดอกบดให้แหลก แล้วผสมกับน้ำมะนาวสัก 2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมกับนม 1 แก้ว แล้วดื่มตอนท้องว่างตอนเช้า จะช่วยปรับเรื่องประจำเดือนได้ เอาเฉพาะกลีบดอกชบาผสมกับน้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลปี๊บอย่างละเท่าๆ กันใส่ในโถแก้วมีฝาปิด แล้วเอาโถแก้วออกตากแดดติดต่อกันสัก 21 วัน น้ำตาลจะละลายผสมกับดอกชบา พอครบกำหนดแล้วเอามากินครั้งละ 2 ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง นานสองถึงสามสัปดาห์ ยาสูตรนี้ถือว่า เป็นยาบำรุงประจำเดือน
  • ดับร้อนและแก้ไข้ - ใช้ดอกชบา 4 ดอกแช่ในน้ำต้มสุก 2 แก้ว แล้วดื่มต่างน้ำ จะช่วยดับร้อนผ่อนกระหายและแก้ไข้ได้ดี
  • รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา เช่น ฮ่องกงฟุต - ใช้เปลือกต้น 50 กรัม แช่ในแอลกอฮอล์ 150 ซีซี นานหนึ่งวัน แล้วกรองเอาแต่น้ำยาไว้ทาบริเวณที่เป็นฮ่องกงฟุต
  • รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก - ใช้ใบชบาหรือฐานดอกก็ได้มาตำให้แหลก แล้วเอามาพอกบริเวณที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก น้ำเมือกจากใบจะช่วยรักษาแผลได้เป็นอย่างดี
  • บำรุงผม - ใช้ใบชบาหนึ่งกำมือมาล้างให้สะอาด ตำให้แหลก เติมน้ำเล็กน้อย แล้วคั้นเอาแต่น้ำ กรองเอากากทิ้ง แล้วใช้น้ำเมือกจากใบชบาสระผม ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก และบำรุงเส้นผมให้ดกดำเป็นเงางาม

ดอกกุหลาบแต่ละสี

ความหมายของดอกกุหลาบแต่ละสี
"ดอกกุหลาบสีแดง" 
ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบ สีแดงอ่อน หรือสีแดงสด บ่งบอกถึงการตกหลุมรักหรือแอบปลื้มใครซักคน เป็นสื่อแทนใจเพื่อจะบอกให้รู้ว่ามีคนกำลัง แอบปลื้มอยู่ ส่วนดอกกุหลาบสีแดงเข้ม ถ้ามีใครให้ดอกกุหลาบสีแดง รู้ไว้เลย นะว่าเค้าคนนั้น มีความรักที่สุดแสน จะลึกซึ้ง  มั่นคง และแน่นนปึก เรียกได้ว่าความรักนั้น ไม่มีวันจืดจางไป จากหัวใจ


"ดอกกุหลาบสีขาว"
เป็นสีแห่งความรักที่ใสสะอาด บริสุทธิ์น่าทนุถนอมโดยไม่คิด เลยว่าความรักที่มอบให้ไปนั้น จะได้ความรักตอบกลับมา
หรือเปล่า 


"ดอกกุหลาบสีชมพู"
เป็นความโรแมนติกที่แสดงถึงความรักที่หวานซึ้งที่ผู้ให้มีต่อผู้รับ แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจ เพราะว่ามันไม่ได้เป็นความรักที่ลึกซึ้ง
แค่เป็นเพียงรักที่ฉาบฉวยต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อแสวงหาสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเท่านั้นเอง


"ดอกกุหลาบสีส้ม" 
สื่อให้เห็นถึงความสดใส ความเป็นตัวของตัวเอง ของผู้รับ เมื่ออยู่ใกล้แล้วทำให้รู้สึกอบอุ่น และยัง
บ่งบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมาด้วย


"ดอกกุหลาบสีเหลือง"
เป็นตัวแทนแห่งมิตรภาพ และยังสื่อถึงความห่วงใยของผู้ให้ด้วย หลายคนเชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่ใช้สำหรับเยี่ยมคนป่วย แต่จริงๆแล้วก็สามารถให้กับเพื่อนๆ เนื่องในโอกาสพิเศษได้เช่นกัน


"ดอกกุหลาบสีฟ้า" 
เชื่อว่าเป็นดอกไม้ แห่งความอดทน แข็งแกร่ง ดอกไม้แห่งความฝันที่สวยงาม และมั่นคงตลอดกาล


"ดอกกุหลาบสีม่วง" 
บางคนคงคิดว่ามันเป็นดอกกุหลาบที่สื่อถึงความเศร้า นั่นก็เป็นอีกความหมายนึง แต่ถ้ามองในแง่ของความสุข กุหลาบสีม่วงยังสื่อให้เห็นถึงความสำเร็จในชีวิต การงานได้อีกด้วย


"ดอกกุหลาบสีดำ"
ความหมายของกุหลาบดำ แต่อาจจะลืมไปแล้ว จนมาถึงวันนี้ได้รื้อฟื้นความหมายอีกครั้ง หลายคนคงให้สีดำแทนความเสียใจ โศกเศร้า 
แต่ความหมายของกุหลาบสีดำว่าแท้จริงแล้ว ความหมายที่ลึกล้ำ เจ้ากุหลาบดำ นั่นคือ..นิรันดร์ ดังนั้นดอกกุหลาบดำที่หมายถึงรักนิรันดร์ และมันไม่เคยมีจริง
จำนวนดอกกุหลาบ และ ความหมาย ที่แสนจะโรแมนติค 
1 = เธอเป็นหนึ่งเดียวของฉันเท่านั้น 
2 = มีเพียงเธอ กับ ฉัน 
3 = ฉันรักเธอ 
5 = การให้ที่ไม่มีอะไรต้องเสียใจ 
7 = เราจะพบกับเรื่องมงคล 
8 = ชดเชยวันเวลาที่ขาดหายไป 
9 = อยู่ด้วยกันให้ยืนยาวและมั่นคง 
11 = รักเธอที่สุด 
12 = ฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน เรารักกัน 
24 = ฉันคิดถึงเธอตลอดเวลา 
33 = รักกัน 3 ชาติ 
50 = ความรักที่ยืนยาวชั่วนิรันดร 
66 = ความรักของเรา เหมือนสายน้ำไม่เคยหยุดนิ่ง 
100 = เราจะถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรด้วยกัน 
101 = รักเรายืนยาวชั่วนิรันดร 
108 = ความรักของฉันจะไม่มีที่สิ้นสุด 
365 = ฉันคิดถึงเธอทุก-ทุกวัน 
999 = รักเธอชั่วฟ้าดินสลาย 
1,009 = ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นเธอ 
9,999 = แทนความจริงใจทั้งหมดที่ฉันมีให้เธอจากนี้และตลอดไป 
10,000 = รักเธอเป็นหมื่น-หมื่นปี

ดอกดาวเรืองประยุกต์



การนำดอกดาวเรืองไปประยุกต์ใช้
พวงมาลัยดอกดาวเรือง
ภาพนี้แม่ค้าีที่ปากคลองตลาด กำลังนำดอกดาวเรืองเอ เอฟ เอ็ม มาร้อยเป็นพวงมาลัยรอขายให้แก่ลูกค้า


รูปแบบพวงมาลัยดาวเรืองแบบต่างๆ เมื่อนำมาร้อยร่วมกับดอกไม้อื่นๆ
ดอกดาวเรืองเอ เอฟ เอ็ม ที่มีกลีบดอกที่ใหญ่ และแข็งแรง สามารถนำมาพับเพื่อร้อยร่วมกับใบตอง สวยงามมาก
มาดูวิธีการร้อยพวงมาลัยดาวเรืองขั้นเทพกันครับ
ดอกดาวเรืองร้อยเป็นพวงมาลัย แซมกับดอกกุหลาบ หรือ ขั้นดอกผลมะกรูดซักลูก
ร้อยพวงมาลัยดอกดาวเรือง ร่วมกับดอกมะลิ และแซมด้วยดอกกุหลาบ
รูปนี้เด็กน้อยกำลังนำพวงมาลัยไปกราบแม่ ดอกดาวเรืองสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรือง ดอกมะลิความกตัญญู และดอกกุหลาบ แสดงถึงความรัก
พวงมาลัยดอกดาวเรือง แซมด้วยดอกบัว และดอกรัก
งานนี้ประณีตมากครับ นำกลีบดอกดาวเรืองมาพับอย่างละเมียดละไม เพื่อทำเป็นรูปกรงจักร แต่ถ้าพวงมาลัยดาวเรืองออกมาสวยงามอย่างนี้ล่ะก็ คุ้มค่ากับการพยายามครับ
มาดูอีกมุมนึงครับ สวยงามและดูดีมากเลย
ดาวเรืองสัญลักษณะของความรุ่งเรือง มั่งคั่งร่ำรวย และสัญลักษณ์แห่งความเป็นไทย

ดอกมะลิซ้อน


ดอกมะลิซ้อน

Posted by  in  on 6-13-12
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน เป็นไม้พุ่มเลื้อย สูง 1-2 เมตร แตกกิ่งตำใต้ผิวดินจำนวนมาก เป็นพุ่มแน่น ปลายกิ่งตั้งขึ้น กิ่งเปราะ ใบเป็นใบเดี่ยว มักมี 3 ใบต่อหนึ่งข้อ เรียงตรงข้าม ใบรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม สีเขียวเข้ม ดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือดอกช่อ 1-3 ดอก สีขาว ออกที่ปลายกิ่ง โคนกลีบดอกติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นกลีบจำนวนมาก ขอบกลีบเป็นคลื่น เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลาง 3- 4 เซนติเมตร ดอกบานอยู่ได้หลายวัน มีกลิ่นหอมตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ออกดอกตลอดปี
ลักษณะมะลิอื่นๆ
  • มะลุลี ลักษณะต้น ใบ อื่น ๆ คล้ายมะลิลา แต่ใบใหญ่กว่าดอกออกเป็นช่อ มี 3 ดอก และดอกกลางบานก่อน เช่นกัน แต่มีดอกซ้อน 3-4 ชั้น ปลายกลีบมน
  • มะลิถอด ลักษณะโดยทั่ว ๆ ไป ทั้งต้น ใบ การจัดเรียงของใบ รูปแบบของใบคล้ายมะลิลาซ้อน แต่ใบเป็นคลื่น ดอกเป็นช่อมี 3 ดอก ดอกซ้อนมากชั้นกว่า คือ 3-6 ชั้น ดอกสีขาว มีกลิ่นหอมมาก ขนาดดอก 2.5-3.5 ซม.
  • มะลิซ้อน ลักษณะทั่ว ๆ ไปคล้ายมะลิถอด และมะลิลาซ้อน แต่ใบมีลักษณะแคบกว่า ดอกออกเป็นช่อมี 3 ดอกเช่นกัน กลีบดอกซ้อน แต่ซ้อนกว่า 5 ชั้น แต่ละชั้นมีกลีบดอก 10 กลีบ ขึ้นไป ขนาดดอก 3-4 ซม. ดอกสีขาว กลิ่นหอมมาก
  • มะลิพิกุล หรือมะลิฉัตร ลักษณะต่าง ๆ คล้ายกับ 4 ชนิดแรก ใบคล้ายมะลิซ้อนและมีคลื่นเล็กน้อย ดอกเป็นช่อ 3 ดอก ดอกซ้อนเป็นชั้น ๆ เห็นได้ชัด (คล้ายฉัตร) และดอกมีขนาดเล็กพอ ๆ กับดอกพิกุล ขนาดดอก 1-1.4 ซม. ดอกสีขาว กลิ่นหอม
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน
ดอกมะลิซ้อน

ดอกทิวลิป


 งานมหัศจรรย์ทิวลิปบานสุพรรณบุรี
24 ธันวาคม 2555 ถึง 6 มกราคม 2556
ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง อำเภออู่ทอง

   มหัศจรรย์ทิวลิปบานสุพรรณบุรี ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) จ.สุพรรณบุรี เริ่มจัดงานในวันที่ 24 ธันวาคม 2555 ถึง 6 มกราคม 2556
   พบกับทิวลิปหลากหลายสีสันหลากหลายสายพันธุ์ มากกว่า 15,000 ต้น ดอกไฮยาซิน ที่มีสีสันสวยงามและส่งกลิ่นหอมทั่วบริเวณงาน พันธุ์เยอบีร่านำเข้าจากต่างประเทศ สีสันสวยมากกว่า 13 สี พันธุ์ไม้เมืองหนาวอื่นๆอีกมากมาย และเลือกชิมลูกสตรอเบอรี่สดๆ จากสวนสวรรค์สุพรรณบุรีที่แรกและที่เดียวในภาคกลางที่ปลูกสตรอเบอรี่ได้สำเร็จภายในงานยังพบกับ การออกร้านของดีเมืองสุพรรณบุรี สินค้า OTOP ของชุมชน พรรณไม้ราคาถูกจากสวนเกษตรกรให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกลับไปปลูกกันอีกด้วย

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) จ.สุพรรณบุรี
โทร 035-437705 หรือ โทร 089-8373277

เข้ามาสวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะครับ...
ปีใหม่ปีนี้ไม้ได้ไปเที่ยวไหนไกล กลับบ้านแม่ที่สุพรรณ นัดสังสรรค์กับเพื่อนๆที่มาเที่ยว
อากาศร้อน แต่ก็สนุกสนานกันดี ที่ท่องเที่ยวในสุพรรณหลายที่คนก็มาเที่ยวกันมากมาย
ส่วนผมเองก็ต้องพาเพื่อนเที่ยวด้วย ก็ต้องหาที่ๆคนไม่มากนัก

 

 

ช่วงวันอาทิตย์ก่อนกลับกรุงเทพก็แวะไปชม "ทุ่งดอกทิวลิป" ที่ศูนย์พันธุ์พืชเพราะเลี้ยง

 

ภายในโรงเรือนขนาดใหญ่ ทางศูนย์ฯได้นำดอกทิวลิปจำนวน 16000 ต้นมาให้ชม
และสามารถเลือกซื้อกลับบ้านได้ ราคากระถางละ 150 บาท 

 

ดอกทิวลิปที่ศูนย์เพราะปลูกขึ้นมาเอง โดยใช้เนื้อเยื้อจากต่างประเทศ
และก็เป็นเรื่องแปลกที่ดอกทิวลิปสามารถบานในพื้นที่ทื่มีอุณหภูมิสูง โดยที่ไม่ต้องปลูกในห้องแอร์
หรือในเขตพื้นที่ทางภาคเหนือที่มีอากาศที่เหมาะกับดอกไม้ชนิดนี้

 

อากาศในโรงเรือนที่จัดแสดงดอกทิวลิปช่วงปีใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 32-33 องศาเซลเซียส
แต่ดอกทิวลิปก็ยังออกดอกบานสวยงามน่าชม

ตอนนี้ดอกสีเหลืองยังไม่บานคงต้องรออีกวันสองวัน 
 

มีนักท่องเที่ยวพอสมควร ไม่เยอะมาก

ถ้าอากาศเย็นกว่านี้ดอกคงจะตูมสวยเหมือนทิวลิปที่เราเห็นบ่อยๆ

แต่ก็ได้อีกแบบความงดงามของทิวลิป 
ดอกสีแดงอมชมพู-ขาวจะเยอะหน่อย
ดอกทิวลิปจะมีให้ชมประมาณช่วงเวลา วันที่ 1-10 มกราคม  ของทุกปี
มีโอกาสแวะไปชมกันนะครับ ชมฟรี.......