จำนวนผู้เข้าชม

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

ละครไทยในวรรณคดี

ยักษ์
















กกขะหนาก (ท้าวอุณราช)
กกขะหนาก เข้าใจว่าคือท้าวอุณราชกษัตริย์แห่งเมืองสิงขร
มีมเหสีชื่อไวยกาสูร และพระธิดาคือนางประจัน ในคราว
พระรามเดินดงครั้งที่สองนั้น ท้าวอุณราชได้ปะฝีมือกับ
พระราม แต่ก็ไม่มีใครแพ้ใครชนะ ร้อนถึงฤาษีต้องมาบอก
กล่าวให้พระรามแผลงศรด้วยกก ท้าวอุณราชจึงจะสิ้นฤทธิ์
พระรามจึงทรงถอนต้นกกมาพาดสาย แล้วยิงตรึงท้าว
อุณราชไว้กับแผ่นดิน ทนทุกข์ทรมานนับแสนโกฏิปี คราใด
ที่กกเคลื่อนออกจากอกท้าวอุณราช ก็จะมีไก่แก้วขันบอก
แล้วนนทรีก็จะเอาค้อนมาตอกให้ตรึงอกจนแน่นอีก





กากะนาสูร
กากนาสูรเป็นแม่ของสวาหุและมารีศ มีปากเป็นกา ตัวเป็น
ยักษ์ ครั้งหนึ่งทศกัณฐ์ได้ไหว้วานให้ไปขโมยข้าวทิพย์
ที่ท้าวทศรถตั้งพิธีกวนข้าวทิพย์ขอบุตรอยู่ นางจึงแปลง
เป็นกายักษ์ไปโฉบข้าวทิพย์มาให้นางมณโฑกิน และครั้งหนึ่ง
ทศกัณฐ์ก็ได้ไหว้วานนางให้ไปทำลายบรรณศาลาโรงพิธี
ที่เหล่าฤาษีกำลังทำพิธีชุบศิลปศรให้แก่ลูกศิษย์ นางจึง
แปลงกายเป็นกายักษ์ทำลายอาศรมพังเป็นแถบๆ แถม
ยังไล่จิกฤาษีไม่เว้นสักตนหนึ่ง เมื่อเสร็จกิจก็บินกลับ
ร้อนถึงพระรามและพระลักษมณ์ต้องมาปราบ ด้วยการ
แผลงศรถูกนางตกลงมาตายที่พื้น





กุมภกรรฐ์ (กุมภกรรณ)
กุมภกรรณเป็นโอรสของท้าวลัสเตียนและนางรัชฎา มีศักดิ์
เป็นน้องทศกัณฐ์ มีหน้าและกายสีเขียว ชายาชื่อนางจันทวดี
มีอาวุธร้ายประจำกายคือหอกโมกขศักดิ์ เคยแสดงฤทธาใน
สมรภูมิรบถึง ๔ ครั้ง ครั้งแรกรบกับสุครีพ โดยวางอุบาย
ลวงสุครีพถอนต้นรัง ครั้งที่สอง ทำพิธีลับหอกโมกขศักดิ์
แต่ถูกหนุมาณและองคตทำลายพิธี ครั้งที่สามทำพิธีทดน้ำ
แต่ไม่สำเร็จเพราะถูกขัดขวางจากหนุมาน และครั้งที่สี่สู้รบ
กับพระราม แต่ก็เพลี่ยงพล้ำถูกศรพระรามตาย เหตุที่ชื่อ
กุมภกรรณ (หูหม้อ) นั้นเพราะมีร่างกายใหญ่โตมาก สามารถ
เอาหม้อใส่ใบหูได้



พิเภก
พิเภกเป็นโอรสของท้าวลัสเตียนและนางรัชฎา มีศักดิ์
เป็นน้องทศกัณฐ์ มีหน้าสีเขียว ชาติก่อนพิเภกเป็น
เวสสุญาณเทพบุตร เมื่อครั้งพระนารายอวตารเป็น
พระราม พระอิศวรก็ได้มีเทวบัญชาให้เวสสุญาณจุติ
ไปเกิดเป็นพิเภก พร้อมทั้งประทานแว่นวิเศษให้ด้วย
เพื่อให้เกิดเป็นใส้ศึกของกรุงลงกา พิเภกเป็นยักษ์
ที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมาก จึงสนใจศึกษาวิชา
โหราศาสตร์และไสยศาสตร์ แต่ในเรื่องฤทธิ์เดชนั้น
นับว่ามีน้อยมากเมื่อเทียบกับพี่น้องตนอื่นๆ เมื่อครั้ง
ทศกัณฐ์ชิงนางสีดามา พิเภกก็ขอให้คืนไปเสีย เพราะ
เกรงว่าเรื่องจะบานปลายจนเป็นศึกสงคราม ทศกัณฐ์
กลับกล่าวหาว่าพิเภกแปลพักตร์ แล้วขับไล่ออกจาก
กรุงลงกา พิเภกจึงไปสวามิภักดิ์ต่อพระราม และแนะ
นำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกองทัพพระรามเป็นอันมาก
เมื่อศึกกรุงลงกาสิ้นสุดลง พระรามจึงทรงให้พิเภก
ครองกรุงลงกาสืบแทนทศกัณฐ์ โดยมีพระนามใหม่ว่า
ท้าวทศคีรีวงศ์



พระยาม้ารีศ (พญามารีศ)
มารีศเป็นลูกของนางกากนาสูร มีพี่น้องร่อมอุทรเดียวกัน
คือสวาหุ เป็นยักษ์ที่ได้ชื่อว่ากลัวพระรามมาก เพราะเมื่อ
ครั้งสู้รบกับพระราม พระลักษมณ์ เพื่อแก้แค้นแทนแม่ที่
ถูกพระรามแผลงศรจนตาย แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้
เมื่อเห็นสวาหุพี่ชายต้องศรพระรามตาย อารามตกใจแล
เห็นพระรามมีสี่กร จึงเหาะหนีไป แต่กระนั้นก็ยังถูกทศกัณฐ์
บังคับให้แปลงเป็นกวางทองไปล่อนางสีดาออกมาจากอาศรม
นางสีดาเมือเห็นกวางทองก็ทูลขอให้พระรามจับให้ พอจับได้
พระรามก็รู้ทันทีว่าเป็นมารีศจึงแผลงศรต้องกายมารีศ
แม้มารีศจะเจ็บแทบขาดใจก็ยัง ทำเสียงเป็นพระราม
ร้องหลอกให้พระลักษมณ์ตามมาดู ทศกัณฐ์จึงลัก
นางสีดาไปโดยง่าย จากนั้นมารีศก็ขาดใจตาย





ทศกัณฐ์
เป็นโอรสท้าวลัสเตียนและนางรัชฎา นัยหนึ่งคือนนทก
กลับชาติมาเกิด มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันคือ พิเภก
กุมภกรรณ ทูษณ์ ขร ตรีเศียร และนางสมนักขา มี
สิบเศียรยี่สิบกร ชอบแปลงตัวไปสมพาส (เสพสม)
กับสัตว์ต่างๆ เช่น ช้างและปลา ฯลฯ จนเกิดเป็นทศคีรีวัน
ทศคีรีทรและนางสุพรรณมัจฉา มีมเหสีที่ออกหน้าออกตา
และรักใคร่มากคือ นางมณโฑ เป็นพยายักษ์ที่มักก่อกวน
ก่อเรื่องเดือดร้อนไปทั่ว แต่ที่สำคัญคือการไปลักชิงนาง
สีดาจากพระราม จนเกิดศึกชิงนางยืดเยื้อหลายปี
สูญเสียพันธมิตรและบริวารไปกับสงครามครั้งนี้
มากมายเกินคณานับ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ทศกัณฐ์
กลับใจได้ และในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ด้วยถูกศรพระราม



ไมราพ (ไมยราพ)
ไมยราพเป็นโอรศท้าวมหายมยักษ์แห่งกรุงบาดาลและนาง
นางจันทรประภา มีกายสีม่วงอ่อน ภายหลังเมื่อท้าว
มหายมยักษ์สิ้นพระชนม์ ไมยราพก็ได้ครองกรุงบาดาล
สืบแทน เป็นผู้ที่ชอบศึกษาสรรพวิชาต่างๆ จากพระฤาษี
จนรู้ทั้งมนต์สะกดทัพ มีกล้องยาเป็นอาวุธ ใช้เป่าสะกด
กองทัพให้หลับใหล และสามารถถอดดวงใจได้ จึงถอด
ดวงใจไว้ในหอยแมลงภู่ แล้วนำไปซ่อนไว้ที่ยอดเขาตรีกูฏ
วันหนึ่งได้พบมัจฉานุ ลูกของนางสุพรรณมัจฉาที่คลอด
ทิ้งไว้บนหาดทราย จึงเก็บมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
ครั้งหนึ่งเคยสะกดทัพพระราม และลักพระรามมาขังใน
กรุงบาดาล โดยใส่กรงเหล็กขังไว้ที่ดงตาลเพื่อรอต้ม
แต่หนุมานมาช่วยไว้ทัน และได้ฆ่าไมยราพตาย



อินทรชิต
อินทรชิตหรืออีกนัยหนึ่งคือรณพักตร์ เป็นโอรสของ
ทศกัณฐ์และนางมณโฑ เป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์มาก ดุร้าย
เกเรเหมือนพ่อ มีชายาชื่อสุวรรณกันยุมา รบกับ
พระอินทร์จนพระอินทร์พ่ายแพ้ จึงได้ชื่อว่าอินทรชิต
(ผู้พิชิตพระอินทร์) ออกสู้พระรามและพระลักษมณ์
ถึง ๕ ครั้ง แต่ละครั้งทำฝ่ายข้าศึกย่ำแย่ไปตามๆกัน
ในการสู้รบครั้งหลังเกิดเสียทีถูกพระลักษมณ์แผลง
ศรพรหมาสตร์ แต่เนื่องจากอินทรชิตได้พรจาก
พระพรหม ว่าถ้าสิ้นชีพเศียรจะตกต้องพื้นไม่ได้
จะกลายเป็นไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก รอกจากจะมี
พานแว่นฟ้ามาลองรับเท่านั้น องคตจึงรับบัญชาจาก
พระรามไปนำพานแว่นฟ้าจากพระพรหม แม้อินทรชิต
จะถูกศรจนแขนขาขาดกระเด็น แต่ก็ยังไม่ตาย ในที่สุด
พิเภกก็ทูลให้พระรามแผลงศรพรหมาสตร์ทำลายเศียร
อินทรชิตกลางอากาศ อินทรชิตจึงสิ้นทธิ์





นางสำมะนักขา
นางสำมะนักขาเป็นธิดาของท้าวลัสเตียนและนางรัชฎา
เป็นเมียของชิวหา แต่ต้องมาตกพุ่มม่าย ด้วยทศกัณฐ์
เข้าใจผิด ขว้างจักรตัดลิ้นชิวหาตาย วันหนึ่งเหาะออก
นอกกรุงลงกา พบพระรามรูปงามก็เกิดหลงรัก เข้า
เกี้ยวพาราสีพระรามแต่พระรามไม่สนใจ นางสำมะนักขา
พบนางสีดาเกิดความอิจฉา เลยเข้าตบตีนางสีดา พระ
ลักษมณ์ทรงกริ้วมาก จึงจับนางสำมนักขาตัดแขน ขา
จมูก หูจนแหว่งวิ่น แล้วไล่ไป นางสำมะนักขาหนีเตลิด
เข้าไปฟ้องพี่ชาย ว่าถูกพระรามกับพระลักษมณ์รังแก
นางสำมนักขาจึงเป็นต้นเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดสงคราม
ระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น